ในปัจจุบันนั้นเทคโนโลยีต่างๆก็ได้มีการวิวัฒนาการก้าวหน้าเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้สิ่งต่างๆก็มีการพัฒนาตามขึ้นไป ในเรื่องของการศัลยกรรมก็เช่นกัน หนึ่งในการศัลยกรรมที่ยอดนิยมตลอดกาลคงหนีไม่พ้นการทำจมูก เพราะเป็นส่วนที่มีความสำคัญและแสดงถึงมิติของใบหน้าได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันจึงมีเทคนิคการทำจมูกเกิดขึ้นมามากมาย อาทิเช่น การทำจมูกแบบเปิด การทำจมูกแบบปิด เป็นต้น วันนี้เราจึงพาทุกคนไปรู้จักการทำจมูกแบบเปิด กับข้อมูลดีๆในเรื่องของรวมเรื่องน่ารู้กับเทคนิคในการทำจมูกแบบเปิดคืออะไร เพื่อปรับทรงจมูกให้ดูได้สัดส่วนธรรมชาติ ที่เราได้นำมาฝากและให้ความรู้กับทุกคนที่มีความสนใจในการศัลยกรรมจมูกกันในวันนี้ จะมีข้อมูลดีๆอะไรกันบ้างนั้น เราไปดูพร้อมกันได้เลย
การทำจมูกแบบเปิด คืออะไร?
การทำจมูกแบบเปิด หรือที่เรารู้จักกันในชื่อที่เรียกว่า การทำจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) เป็นหนึ่งในเทคนิคการทำจมูกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเทคนิคในการทำจมูกที่สามารถเห็นโครงสร้างภายในจมูกได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นกับโครงสร้างของจมูกได้ทั้งหมด โดยศัลยแพทย์นั้นจะทำการผ่าตัดเพื่อเปิดแผลบริเวณภายนอกจมูก ตั้งแต่บริเวณฐานรูจมูกทั้งสองข้างจนไปถึงเห็นบริเวณแกนจมูก ทำให้สามารถมองเห็นโครงสร้างบริเวณภายในจมูกได้ทั้งหมดทั้งกระดูกจมูก, ผนังกั้นโพรงจมูก, กระดูกอ่อนจมูก และปลายจมูก ทำให้สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด สามารถปรับแต่งรูปทรงจมูกได้อย่างเหมาะสม ได้สัดส่วนที่พอดีตามต้องการ ผลลัพธ์หลังจากการทำจมูกแบบเปิดนั้นจะได้จมูกที่ดูสวย โด่งรับกับใบหน้า เรียวยาวและมีสัดส่วนต่อใบหน้าที่สมบูรณ์
ข้อดี-ข้อเสียของการทำจมูกแบบเปิด
- ข้อดี คือ สามารถแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด สามารถทำทรงจมูกได้หลากหลายทรง เลือกทรงจมูกที่รับและเหมาะสมกับใบหน้าเราที่สุดได้ ช่วยปรับแต่งให้จมูกดูโด่งพุ่งตามต้องการได้ ได้อัตราส่วนของรูจมูก สันจมูก ปลายจมูกที่ลงตัว ปรังองศาจมูกให้พอดี เหมาะสม ช่วยแก้ปัญหาคนไข้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจ มีอาการหายใจลำบาก คัดจมูก จากผนังกั้นจมูกคด และกระดูกคด เป็นเทคนิคที่ได้มาตรฐานสากลและที่สำคัญคือสามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จมูกจะทะลุได้ในอนาคต
- ข้อเสีย คือ เป็นเทคนิคในการทำจมูกที่มีความซับซ้อนและทำได้ยาก ทำให้ใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดนาน ต้องทำการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญจริงๆเท่านั้น ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานกว่าการทำจมูกแบบอื่นๆ อาจจะมีแผลภายนอกให้เห็นได้ และต้องมีการใช้การดมยาสลบก่อนการผ่าตัด ซึ่งอาจจะทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงอีกด้วย
การทำจมูกแบบเปิดกี่เดือนเข้าที่?
การศัลยกรรมทำจมูกแบบเปิดนั้น จะมีอาการบวมเกิดขึ้นได้หลังจากการผ่าตัดไปแล้ว 2-3 วัน และอาการวมนั้นจะเริ่มลดลงใน 2-4 วันและบวมน้อยลงมากยิ่งขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์หลังจากทำการผ่าตัดเสริมจมูก โดยเมื่อผ่านไป 1 เดือน จมูกจะเริ่มเข้าที่ และเมื่อผ่านไป 3-6 เดือน จะสามารถเห็นทรงจมูกชัดเจนมากยิ่งขึ้น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติแต่ต้องระมัดระวังไม่ให้การกระทบกระเทือนบริเวณจมูกอย่างรุนแรง และเมื่อเวลาผ่านไปครบ 1 ปี จะสามารถเห็นทรงจมูกและสัดส่วนของจมูกอย่างชัดเจน ได้ทรงจมูกที่ดูสวย รับกับใบหน้า
การเตรียมตัวก่อนทำและหลังทำจมูกแบบเปิด
การเตรียมตัวก่อนทำจมูกแบบเปิด
- แจ้งข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องและสำคัญให้กับศัลยแพทย์ทราบก่อนทำการผ่าตัดศัลยกรรมจมูก ทั้งข้อมูลส่วนตัว ประวัติสุขภาพ ประวัติการแพ้ยา โรคประจำตัว ยาที่ใช้เป็นประจำ อาหารที่แพ้
- งดสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ 1-2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
- หลีกเลี่ยงการทานวิตามินที่มีส่วนผสมของน้ำมัน 1-2 สัปดาห์ก่อนผ่าตัด
- หากมีการดมยาสลบ ควรงดอาหารและน้ำ 6-8 ชม.ก่อนการผ่าตัด
การดูแลตนเองหลังจากการทำจมูกแบบเปิด
- งดการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่กระทบกระเทือนต่อจมูก
- ห้ามให้แผลผ่าตัดโดนน้ำ 7 วัน
- ใน 2 วันแรกควรทำการประคบเย็นเพื่อลดอาการปวดและหลังจาก 2 วัน สามารถเริ่มประคบอุ่นได้
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณจมูกแรง ๆ
จบไปแล้วนะคะกับความรู้ในเรื่องของรวมเรื่องน่ารู้กับเทคนิคในการทำจมูกแบบเปิดคืออะไร เพื่อปรับทรงจมูกให้ดูได้สัดส่วนธรรมชาติ ที่เรานำมาให้ทุกคนในวันนี้ การทำจมูกแบบเปิดนั้น เป็นเทคนิคที่สามารถแก้ไขปัญหาโครงสร้างจมูกได้ทั้งหมด ทำให้ได้ทรงจมูกตามต้องการและดูสวย รับกับใบหน้า อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงที่จมูกจะทะลุในอนาคตได้อีกด้วย แต่ทั้งนี้ก็ต้องทำการผ่าตัดโดยศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญเท่านั้น หากใครที่กำลังมองหาคลินิกที่มีศัลยแพทย์ที่มีความชำนาญ มีความรู้และประสบการณ์สูง เป็นคลินิกที่ได้รับการับรอง มีความสะอาด อุปกรณ์ผ่านการฆ่าเชื้อก่อนการใช้งานเป็นอย่างดี มีการเลือกใช้อุปกรณ์และวัสดุที่มีคุณภาพสูง เกรดดีที่สุด และยังมีบริการ การให้คำปรึกษาที่ตรงไปตรงมา เราขอแนะนำที่ ดีมอร์ คลินิกเลย หากใครสนใจสามารถปรึกษาเพิ่มเติมได้ทาง ดีมอร์ คลินิก หรือทาง Dmorclinic